เปิดโลกงานไม้ : เรียนรู้ สร้างสรรค์ และพัฒนา

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 ทาง HARDMAN ร่วมกับ PUMPKIN จัดงาน Workshop "Design Wood Tools รู้งานไม้ใช้งานจริง" ณ คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จัดกิจกรรม Workshop การใช้เครื่องมือช่าง พร้อมเสริมสร้างการพัฒนาทักษะการทำงานไม้ให้ดียิ่งขึ้นเเละสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกด้วยสองมือของคุณเอง ซึ่ง Workshop นี้จะเกี่ยวกับงานไม้ เป็นการเปิดประตูสู่โลกแห่งความคิดสร้างสรรค์

ไฮไลท์สำคัญของ Workshop นี้

• เสวนาสุดเข้มข้น : ฟังผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบงานไม้ แชร์เทคนิคการออกแบบชิ้นงานที่สวยงามและใช้งานได้จริง พร้อมเทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
• Workshop ปฏิบัติจริง : ลงมือทำจริงกับเครื่องมือช่างต่างๆ เรียนรู้วิธีการใช้งานอย่างถูกต้องและปลอดภัย สร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกด้วยตัวเอง
  
• เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ : ได้รับคำแนะนำจากช่างไม้มืออาชีพที่มีประสบการณ์ พร้อมไขข้อข้องใจทุกคำถาม

และในบทความนี้ Hardman จะมาแนะนำเครื่องมือช่างที่เหมาะสำหรับงานไม้แต่ละประเภท ว่าควรใช้เครื่องมืออะไรในการทำงานเพื่อให้ทำงานไม้ได้อย่างสวยงามและถนอมเครื่องมือที่ใช้

1. เลื่อยวงเดือน (Circular saw) : เป็นสิ่งจำเป็นอย่างแรกที่คนทำงานไม้ต้องมีและสามารถผ่อนแรงเราได้อย่างง่ายดายและแม่นยำทำให้สามารถตัดไม้ได้ตรงมากเพราะไม่ต้องใช้แรง ถ้าเป็นเลื่อยมือต้องใช้แรงเลยทำให้มีรอยขรุขระ ต่างกับเลื่อยวงเดือนที่มีแรงที่สม่ำเสมอมากทำให้ตัดไม้ได้เรียบ

2.เลื่อยจิ๊กซอว์ (Jigsaw) : อีกหนึ่งชิ้นที่ต้องมีเพราะสามารถเคลื่อนที่ไปในชิ้นงานได้ตรงจุดแม่นยำยิ่งขึ้นเครื่องมือนี้ออกแบบมาเพื่องานไม้โดยเฉพาะ โดยมักมีใบเลื่อยที่สามารถเปลี่ยนได้และมีรูปทรงที่เรียว สามารถตัดตามรูปแบบที่ซับซ้อนได้ เช่น เส้นโค้งหรือรูปทรงที่ไม่เป็นระเบียบ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความละเอียดสูง 

3.ทริมเมอร์ (Trimmer) และ เร้าเตอร์ (Router) : เป็นเครื่องมือช่างที่นิยมใช้ในงานตกแต่งไม้ แต่มีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกันดังนี้

• ทริมเมอร์ (Trimmer) :
  • เป็นเครื่องมือขนาดเล็ก มีความเร็วรอบสูง เหมาะสำหรับงานละเอียด เช่น เซาะร่อง ลบมุม หรือตกแต่งขอบเฟอร์นิเจอร์
    
  • เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความประณีต เช่น งานที่ต้องการความแม่นยำในการตัดหรือแกะสลักไม้
    
  • สามารถใส่ดอกทริมเมอร์ขนาดเล็กได้
    
• เร้าเตอร์ (Router) :
  
  • เป็นเครื่องมือขนาดใหญ่กว่า มีพลังงานมากกว่า เหมาะกับงานหนัก เช่น เจาะรู ลบร่อง หรือตกแต่งพื้นผิวไม้
    
  • เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้พลังงานมากและพื้นที่การตัดที่กว้างขึ้น เช่น งานสร้างเฟอร์นิเจอร์หรืองานโครงสร้างไม้

4 เครื่องขัดกระดาษทราย (Sander) : เป็นเครื่องมือไฟฟ้าที่ใช้สำหรับขัดแต่งผิวของวัสดุต่างๆ เพื่อให้ผิวเรียบเนียน สวยงาม และเตรียมพร้อมสำหรับการเคลือบ หรือการทำสีต่อไป โดยมีหลักการทำงานคือการใช้กระดาษทรายที่มีความหยาบต่างกันมาขัดผิวชิ้นงาน ซึ่งจะช่วยขจัดรอยขีดข่วน รอยขรุขระ และสิ่งสกปรกออกไป  ซึ่งเครื่องขัดกระดาษทรายมีหลายประเภท เช่น:

• เครื่องขัดกระดาษทรายสายพาน (Belt sander) : ใช้สายพานกระดาษทรายหมุนต่อเนื่อง เหมาะสำหรับขัดพื้นผิวขนาดใหญ่และขจัดวัสดุอย่างรวดเร็ว
  
• เครื่องขัดกระดาษทรายระบบสั่น (Orbital sander) : ใช้การเคลื่อนไหวแบบวงกลม เหมาะสำหรับงานขัดละเอียด
  
• เครื่องขัดกระดาษทรายแบบลูกกลิ้ง (Drum sander) : มีลูกกลิ้งหมุนที่ใช้กระดาษทราย เหมาะสำหรับการขัดผิวไม้ขนาดใหญ่
  
• เครื่องขัดกระดาษทรายชนิดตั้งโต๊ะ (Disc sander) : ใช้แผ่นกระดาษทรายหมุนขัด เหมาะสำหรับงานขัดขอบมุมหรือขอบไม้

เครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการเตรียมพื้นผิวให้พร้อมสำหรับการทำสีหรือการตกแต่งขั้นสุดท้าย

5 สว่านไร้สาย (Cordless drill) : เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับเจาะรูในวัสดุต่างๆ เช่น ไม้ โลหะ หรือพลาสติก โดยมีความสะดวกสบายเพราะไม่มีสายไฟ ทำงานด้วยแบตเตอรี่ ทำให้เคลื่อนย้ายได้ง่ายและใช้งานในพื้นที่ที่เข้าถึงยากได้อย่างสะดวก

• คุณสมบัติของสว่านไร้สายสำหรับงานเจาะไม้
  • ความแม่นยำ : ช่วยให้การเจาะรูในไม้มีความแม่นยำ ไม่ทำให้ไม้แตกหรือเสียหาย
    
  • ความเร็ว : สามารถเจาะรูได้รวดเร็ว โดยสามารถปรับความเร็วรอบได้ตามความต้องการ
    
  • ความสะดวกในการใช้งาน : เนื่องจากไร้สาย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องสายไฟเกะกะ สามารถใช้งานได้ง่ายทุกที่
    
  • การใช้งานหลากหลาย : สามารถเปลี่ยนดอกสว่านเพื่อปรับใช้กับงานเจาะที่หลากหลาย

สว่านไร้สายเป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับงานช่างที่ต้องการความคล่องตัวและประสิทธิภาพ

6.ตลับเมตร (Tape measure) : เป็นเครื่องมือวัดที่มีความสำคัญอย่างมากในงานไม้ เพราะช่วยให้การวัดระยะทาง ความยาว และขนาดของชิ้นงานไม้เป็นไปอย่าง แม่นยำ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างชิ้นงานที่มีคุณภาพ

• เหตุผลที่ช่างไม้ต้องใช้ตลับเมตร
  
  • การออกแบบ : ใช้ในการวัดขนาดและสัดส่วนของชิ้นงานตามแบบที่ออกแบบไว้
    
  • การตัด : ช่วยให้ตัดไม้ได้ตามขนาดที่ต้องการ
    
  • การประกอบ : ใช้ในการวัดระยะห่างระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อให้การประกอบแน่นหนา

7.ค้อนยาง (Rubber mallet) : เป็นเครื่องมือช่างไม้ที่สำคัญและมักถูกมองข้าม แม้ว่าจะดูเรียบง่าย แต่ค้อนยางมีบทบาทสำคัญในการทำงานไม้ โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความละเอียดและความนุ่มนวล เช่น การประกอบหรือปรับชิ้นส่วนไม้โดยไม่ทำให้ไม้เสียหายหรือเป็นรอย

• ทำไมช่างไม้จึงต้องใช้ค้อนยาง ?
  • ป้องกันรอยบุบ : หัวค้อนยางมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้เมื่อนำไปตอกหรือทุบชิ้นงาน จะไม่ทำให้เกิดรอยบุบหรือรอยขีดข่วนบนผิวไม้
  • เหมาะสำหรับงานละเอียด : ค้อนยางมักใช้สำหรับงานที่ต้องการความละเอียด เช่น การตอกหมุดย้ำ การประกอบชิ้นส่วนเล็กๆ หรือการตอกไม้ที่ต้องการรักษาผิวหน้า
  • ลดแรงกระแทก : เมื่อเทียบกับค้อนเหล็ก ค้อนยางจะช่วยลดแรงกระแทกที่ส่งผลต่อข้อมือและข้อศอกของช่างไม้ ทำให้ทำงานได้สะดวกและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
  • ใช้งานได้หลากหลาย : นอกจากงานไม้แล้ว ค้อนยางยังสามารถใช้กับงานอื่นๆ ได้อีกมากมาย เช่น การประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การตอกหมุดย้ำบนพลาสติก หรือการขึ้นรูปวัสดุที่อ่อนนุ่ม

8.แคลมป์จับชิ้นงาน หรือที่เรียกว่า ปากกาจับชิ้นงาน (Clamps) : เป็นเครื่องมือสำคัญในงานไม้ ซึ่งเปรียบเสมือน "มือที่สาม" ของช่างไม้ เพราะช่วยยึดจับชิ้นงานให้แน่นหนาขณะทำงาน ทำให้เราทำงานได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

• ทำไมช่างไม้จึงต้องใช้แคลมป์?
  
  • ยึดชิ้นงานให้แน่น : ช่วยให้ชิ้นงานไม่ขยับเขยื้อนขณะประกอบ ติดกาว หรือทำการอื่นๆ
    
  • เพิ่มความแม่นยำ : ทำให้การวัดและตัดชิ้นงานมีความแม่นยำมากขึ้น
    
  • ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ : ช่วยป้องกันนิ้วมือจากการบาดเจ็บขณะทำงาน
    
  • ช่วยประหยัดเวลา : ทำให้การทำงานเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แคลมป์มีหลายชนิด เช่น แคลมป์ตัวซี (C-Clamp), แคลมป์บาร์ (Bar Clamp), และแคลมป์ปากกา (Vise Clamp) แต่ละแบบมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันตามความต้องการของงาน

9.กบไฟฟ้า หรือ เครื่องไสไม้ไฟฟ้า (Electric planer) : เป็นเครื่องมือไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับไสไม้ให้เรียบเนียน โดยมีใบมีดหมุนเร็วเพื่อขูดเอาเนื้อไม้ส่วนเกินออก ทำให้ชิ้นงานไม้มีความเรียบเสมอกัน เหมาะสำหรับงานไม้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการปรับหน้าไม้ ทำให้ไม้เรียบก่อนการประกอบ หรือการตกแต่งผิวไม้

• ทำไมช่างไม้จึงต้องใช้กบไฟฟ้า?
  
  • ความเร็วและประสิทธิภาพ : กบไฟฟ้าทำงานได้รวดเร็วกว่าการใช้กบมือ ทำให้ประหยัดเวลาและแรงงาน
    
  • ความเรียบเนียน : ผิวไม้ที่ไสด้วยกบไฟฟ้าจะมีความเรียบเนียนสม่ำเสมอมากกว่าการใช้กบมือ
    
  • ปรับความหนาได้ : สามารถปรับความหนาของไม้ที่ต้องการไสได้ตามต้องการ
    
  • งานที่หลากหลาย : สามารถใช้ได้กับงานไม้หลากหลายประเภท เช่น การทำเฟอร์นิเจอร์ การทำประตูหน้าต่าง และการทำโครงสร้างไม้

10 เลื่อยองศา หรือ เลื่อยตัดองศา (Miter Saw) : เป็นเครื่องมือไฟฟ้าที่ใช้ในการตัดไม้เป็นมุมต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ เหมาะสำหรับงานไม้ที่ต้องการความละเอียดและความสวยงาม เช่น การตัดไม้สำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ กรอบรูป หรือบัว

• ทำไมช่างไม้จึงต้องใช้เลื่อยองศา?
  
  • ความแม่นยำในการตัด : เลื่อยองศาสามารถปรับองศาในการตัดได้ ทำให้ได้ชิ้นงานที่มีความแม่นยำสูง
    
  • ตัดไม้ได้หลากหลายขนาด : สามารถตัดไม้ได้หลากหลายขนาดและความหนา
    
  • ประหยัดเวลา : ทำให้การตัดไม้เป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวก
    
  • งานที่หลากหลาย : สามารถใช้ได้กับงานไม้หลากหลายประเภท เช่น การตัดไม้สำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ การตัดไม้สำหรับทำประตูหน้าต่าง

Workshop นี้จะนำคุณเข้าสู่โลกของ งานไม้ อย่างเต็มตัว โดยคุณจะได้เรียนรู้เทคนิคตั้งแต่ การออกแบบชิ้นงาน การเลือกใช้วัสดุ การคำนวณขนาด ไปจนถึงการลงมือสร้างสรรค์ผลงานจริงด้วยเครื่องมือช่างหลากหลายประเภท เช่น เครื่องไสไม้ไฟฟ้า แคลมป์จับชิ้นงาน สว่านไร้สาย และเครื่องมืออื่น ๆ ที่ใช้ในงานช่างมืออาชีพ เหมาะสำหรับทั้งผู้ที่เป็นมือใหม่ที่อยากเรียนรู้พื้นฐาน และผู้ที่มีประสบการณ์ที่ต้องการเพิ่มทักษะด้าน การต่อประกอบ การไสไม้ หรือการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ ให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น ถ้ามีการจัดกิจกรรม Workshop ดี ๆ ครั้งหน้า เราจะมาแจ้งให้ทราบแน่นอน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
 Facebook : Hardman Thailand
 Line : @hardmanthailand (มี @ นำหน้า)
 E-mail : hardman.thailand@gmail.com
 โทร : 0992502828